Venous Thromboembolism

64 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ลิ่มเลือดอุดตัน

เช็กสัญญาณเตือน “ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
 


ทั่วโลก พบว่า อัตราป่วย "ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน" อยู่ที่ประมาณ 1 ใน 1,000 ราย โดย 1 ใน 4 ของประชากรทั่วโลก เสียชีวิตจากภาวะหลอดเลือดอุดตัน ขณะที่ไทย ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบผู้ป่วยภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ปอดและหลอดเลือดดำที่ขา เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องลิ่มเลือดอุดตัน คืออะไร ? สาเหตุมากจากไหนและควรป้องกันอย่างไรดี


ลักษณะของหลอดเลือดในคนเรานั้นจะเป็นท่อค่ะ โดยส่วนประกอบในหลอดเลือดของคนปกติทั่วไปนั้นก็จะมีเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนอยู่ภายใน ซึ่งในหลอดเลือดนี้ สามารถที่จะเกิดภาวะที่มีลิ่มเลือดได้ โดยส่วนมากมักจะเกิดที่หลอดเลือดดำที่ขาและลิ่มเลือดนั้นก็สามารถเคลื่อนที่จนมาอุดกั้นที่ปอดได้เช่นกันค่ะ

ลิ่มเลือดที่ก่อตัวขึ้น เกิดจากการสารโปรตีนที่ช่วยห้ามการแข็งตัวของเลือดทำงานผิดปกติ เมื่อสารโปรตีนชนิดนี้ทำงานน้อยลง ก็จะทำให้เกิดลิ่มเลือดและเกิดความผิดปกติในการไหลเวียนเลือดด้วย และหากปล่อยทิ้งเอาไว้ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ค่ะ

สาเหตุของการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

การไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การผ่าตัดที่ต้องนอนนิ่งเป็นเวลานาน
การป่วยด้วยโรคบางชนิด เช่น

  • โรคมะเร็ง หรือโรคทางพันธุกรรม
  • มีการใส่สายสวนที่หลอดเลือด
  • เส้นเลือดได้รับบาดเจ็บ
  • จากการใช้ยาบางชนิด
  • จากอายุที่มากขึ้น

 

อาการของภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

อาการของภาวะลิ่มเลือดอุดตันอาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะของตำแหน่งที่เกิด แต่เราก็สามารถสังเกตอาการของตัวเองได้ดังนี้

1. ขาโต ขาบวม หรือ แขนโต แขนบวม กดแล้วเจ็บหรือเดินแล้วจะรู้สึกปวด สีผิวเปลี่ยนเป็นสีแดง ซีดหรือเขียวช้ำ อาการนี้อาจจะมาจากลิ่มเลือดอุดตันที่หลอดเลือดดำ

2. เหนื่อยง่าย เหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก ไอ หัวใจเต้นเร็วและเต้นไม่สม่ำเสมอ วิงเวียนศรีษะ มึนหัว ความดันโลหิตตก อาการนี้อาจจะมาจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ปอด

3. ชา อ่อนแรงที่ใบหน้า หรือบริเวณครึ่งซีกของร่างกาย ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด น้ำลายไหล กลืนลำบาก ปวดศรีษะ มึนหัว เวียนหัว ตามัว มองไม่ชัดหรือตาบอดข้างเดียว เดินเซ ทรงตัวลำบาก อาการนี้อาจจะมาจากโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคลิ่มเลือดอุดตันที่สมองค่ะ

 

“ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ” หรือ “Venous

Thromboembolism”(VTE) เป็นภัยเงียบที่น้อยคนจะรู้จักและเข้าใจถึงอันตราย ทั้งที่อุบัติการณ์ของการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ข้อมูลจากทั่วโลก พบว่า อัตราผู้ป่วยที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน อยู่ที่ประมาณ 1 ใน 1,000 ราย โดย 1 ใน 4 ของประชากรทั่วโลก เสียชีวิตจากภาวะหลอดเลือดอุดตัน 

 ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน แนวโน้มเพิ่มอย่างต่อเนื่อง 

 สำหรับสถานการณ์ในไทย ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้มีการสำรวจผู้ป่วยใน ระหว่างปี 2559- 2563 พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีผู้ป่วยภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด หรือ Pulmonary Embolism(PE) เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า ขณะที่ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำที่ขาเพิ่มขึ้น 1.3 เท่า และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 ซึ่ง "ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ" ถือเป็นภัยเงียบที่แฝงอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง อาทิ ผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง โรคติดเชื้อ โรคเบาหวาน โรคอ้วน รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น สูบบุหรี่จัด ดื่มแอลกอฮอล์ ชอบกินของทอด ล้วนเป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้เกิดโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำทั้งสิ้น และอาจอันตรายถึงชีวิต

 ศ. นพ. พันธุ์เทพ อังชัยสุขศิริ สาขาวิชาอายุรศาสตร์โรคเลือด ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ เป็นโรคที่พบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น แต่มีคนรู้จักเพียง20%  ซึ่งภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่หลอดเลือดดำมักจะเกิดขึ้นที่ขาและที่ปอด โดยลิ่มเลือดจะเริ่มก่อตัวและทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำลึกของร่างกาย หรือDeep Vein Thrombosis(DVT) เกิดที่ขาเป็นส่วนใหญ่ และอาจหลุดเข้าไปยังปอด เรียกว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด หรือ Pulmonary Embolism(PE)

"ทำให้มีอาการหายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ไอเป็นเลือด ซึ่งบางรายอาจถึงขั้นเสียชีวิตเฉียบพลัน โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ มักจะไม่ทราบว่าตนเองเป็น มากถึง 80% ของผู้ป่วยไม่แสดงอาการ และผู้ป่วยที่แสดงอาการมักจะมีลิ่มเลือดอุดตันขนาดใหญ่แล้ว จึงมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เป็นจำนวนมาก ดังนั้น การรณรงค์ สร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง สามารถป้องกันตนเองจากโรคนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก”

 กลุ่มเสี่ยงที่อาจมีภาวะลิ่มเลือดอุดตันได้นั้น ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือNCDs อย่างโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน รวมถึงผู้ป่วยโรคมะเร็ง กลุ่มที่สูบบุหรี่จัด กลุ่มที่มีพฤติกรรมเนือยๆ นิ่งๆ ไม่ค่อยขยับร่างกาย รวมถึงผู้สูงอายุสำหรับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ การนอนโรงพยาบาลเป็นเวลานาน การผ่าตัด พันธุกรรม การใช้ฮอร์โมนหรือยาคุมกำเนิด เนื่องจากสาเหตุหลัก ๆ 3ประการของภาวะนี้ คือ

1.เลือดไหลเวียนช้า เช่น การนั่งหรือนอนอยู่เฉย ๆ เป็นเวลานาน

2.การบาดเจ็บของหลอดเลือด เช่น กลุ่มนักกีฬาที่ออกกำลังกายหนัก ๆ จนเกิดการบาดเจ็บของหลอดเลือด

3.การแข็งตัวของเลือด หรือภาวะทางพันธุกรรม ที่ร่างกายบกพร่องการสร้างโปรตีนที่ทำหน้าที่ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ง่าย เป็นต้น

เช็กสัญญาณเตือนภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

 อาการของ ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ไม่ได้มีความจำเพาะเจาะจง อาการที่แสดงออกจึงหลากหลาย เช่น ผู้ป่วยภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำที่ขาจะมีอาการปวดขา ขาบวม ผิวหนังที่ขาเปลี่ยนสีไปจากเดิมผู้ป่วยส่วนใหญ่เมื่อเห็นอาการจะไปหาแพทย์โรคผิวหนัง หรือแพทย์กระดูกเป็นหลัก ดังนั้น หากมีอาการเหล่านี้ อยากให้ผู้ป่วยขอให้มีการตรวจร่างกาย ตรวจวินิจฉัยภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ขาร่วมด้วย

 ส่วนในกรณีที่เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำที่ปอด ผู้ป่วยจะมีอาการใจสั่น เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นเร็ว หน้ามืดหรืออาจหมดสติ ไอเป็นเลือด ซึ่งอาการดังกล่าว ผู้ป่วยมักจะคิดว่าเป็นโรคอื่น ๆ ได้ หรือในกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ อาจจะเกิดได้ในกลุ่มที่ทานยาคุมกำเนิด เนื่องจากเลือดจะแข็งตัวง่ายขึ้น แล้วมีการเดินทางไกลนั่งเครื่องบินหรือนั่งรถนาน ๆ ร่วมด้วย หรือในผู้ป่วยโรคมะเร็ง หรือกลุ่มที่มีการแข็งตัวของเลือดง่ายกว่าปกติ รวมถึงภาวะพันธุกรรม ซึ่งหากมีคนในครอบครัวมีประวัติ ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นภาวะลิ่มเลือดอุดตันได้เช่นเดียวกัน

 แม้อาการดังกล่าวอาจไม่ได้บ่งชี้ถึงภาวะลิ่มเลือดอุดตันเสมอไป ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ควรตระหนักรู้ถึงการมีอยู่ของภาวะนี้ และทำการประเมินผู้ป่วยในทันที เช่น ควรให้ยาป้องกันในผู้ป่วยบางกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำขณะที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหรือไม่ สิ่งสำคัญคือภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ หากได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่เริ่มแรกและมีการรักษาให้เหมาะสมในช่วง 3-6 เดือนแรก จะสามารถป้องกันความเสี่ยงและรักษาให้หายขาดได้

 “ทุกคนควรต้องตระหนักรู้ ถึงภาวะลิ่มเลือดอุดตันให้มากขึ้น เพื่อการวินิจฉัยได้รวดเร็วและรักษาชีวิตของผู้ป่วยได้ ซึ่งการป้องกันและการรักษาในปัจจุบัน จะมีตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทานยา ฉีดยาหรือใส่ถุงน่อง ใช้เครื่องบีบนวด 


การป้องกันตนในเบื้องต้นจาก “ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ” สามารถทำได้โดย
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง
  • ดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากการมีโรคประจำตัว
  • หมั่นขยับร่างกาย ออกกำลังกาย และไม่ควรอยู่ในท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน
  • ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ
  • ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่
  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่เกณฑ์มาตรฐาน
  • ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี
  • รวมถึงตรวจเช็กความผิดปกติของหัวใจ


วิธีป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

  • ออกกำลังกาย และไม่ควรอยู่ในท่าเดิมนานเกินไป ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ 
  • ดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ เพราะการขาดน้ำจะทำให้เลือดจับตัวกันและก่อเป็นลิ่มเลือดได้
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขับน้ำออกมามาก
  • งดบุหรี่ 
  • กินยาต้านการแข็งตัวของเลือดตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด

 


ติดโควิด เสี่ยงลิ่มเลือดอุดตันสูง
ดูแลหลอดเลือดทันทีหลังหายป่วย


ติดโควิด เสี่ยงลิ่มเลือดอุดตันสูง ควรดูแลหลอดเลือดทันทีหลังหายป่วย

ลิ่มเลือดอุดตัน เป็นภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อโควิดอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรชะล่าใจ จากการศึกษายืนยันว่า COVID-19 ไม่ว่าจะรุนแรงหรือไม่ก็ตาม ล้วนเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ นั่นหมายความว่า หากผู้ที่ติดเชื้อโควิดเป็นผู้สูงอายุ มีพื้นฐานของหลอดเลือดตีบอยู่บ้างแล้ว หรือระบบการไหลเวียนของเลือดไม่ดี โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะไขมันสูง เป็นโรคเบาหวานหรือเป็นโรคความดันโลหิตสูง ภาวะลิ่มเลือดอุดตันซึ่งเกิดจากการติดเชื้อโควิดนั้นก็จะยิ่งซ้ำเติมผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้หนักเข้าไปอีก

การวิจัยล่าสุดของสหราชอาณาจักร แสดงให้เห็นว่า การติดเชื้อโควิด จะเพิ่มโอกาสในการเกิดลิ่มเลือด เสี่ยงหลอดเลือดอุดตันและโรคอื่นๆ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า มันเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงการระบาดนี้ เว้นแต่จะพัฒนาวิธีหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสและการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง

ตามรายงาน BNN Bloomberg ของ Queen Mary, University of London (มหาวิทยาลัยลอนดอน) การศึกษาล่าสุดจากกลุ่มตัวอย่าง 54,000 คนพบว่าผู้ติดเชื้อโควิดจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือด โดยพบลิ่มเลือดในเส้นเลือดไหลเวียนไปยังหัวใจ ปอด และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

ผลการศึกษาพบว่า ความเสี่ยงเป็นลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำในผู้ป่วยโควิด จะสูงกว่าผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อโควิด 2.7 เท่า ทั้งโอกาสเสียชีวิตจะมากกว่าผู้ที่ไม่เคยเป็นโควิดถึง 10 เท่า นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าโอกาสสูงสุดของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจะเกิดขึ้นใน 30 วันแรกหลังการติดเชื้อโควิด แต่อาจขยายเวลาออกไปได้อีก

นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคโควิดขั้นรุนแรง เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อโควิด มีความเสี่ยงดังนี้
  • ความเสี่ยงสูงที่จะเป็นลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำถึง 28 เท่า
  • ความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว 22 เท่า
  • ความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น 18 เท่า
  • ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 118 เท่า

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com